Zipair Tokyo สายการบินโลว์คอสต์ที่แท้จริงของ JAL
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2019 ที่ผ่านมา Japan Airlines (JAL) ได้ฤกษ์ประกาศอย่างเป็นทางการ เปิดตัวสายการบินโลว์คอสต์น้องใหม่ในชื่อ “ZipAir Tokyo” เพื่อทำตลาดบินระยะกลาง 5 ชั่วโมงขึ้นไป ถึง ระยะไกล 10 ชั่วโมงขึ้นไป (Medium to long-haul low cost carrier) ครอบคลุมเส้นทางบินเชื่อมญี่ปุ่นกับ ประเทศในเอเชีย ชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ และมีแผนจะบินไกลถึงทวีปยุโรป
JAL เผยพร้อมเริ่มบิน ฤดูร้อน ปี 2020 ประเดิมด้วย 2 เส้นทางบินแรก จากโตเกียว(นาริตะ) บินตรงสู่ กรุงเทพฯ(สุวรรณภูมิ) และ โซล(อินชอน) ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง B787-8 เนื่องในโอกาสที่ทางญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นที่วางเป้ารับผู้โดยสารขาเข้าไว้สูงถึง 40 ล้านคน (ปี 2018 ทำสถิติได้มากถึง 31.19 ล้านคน)
สาเหตุที่ใช้ชื่อ ZIP เพราะในภาษาอังกฤษหมาย ที่แปลความหมายได้ทั้ง ความรวดเร็ว และ การเดินทางไปยังหลายจุดหมาย หลายรหัสไปรษณีย์ ซึ่งตรงกับคอนเซปท์ของสายการบิน ที่ต้องการนำพาผู้โดยสารเดินทางไปถึงจุดหมายในชั่วพริบตา และสื่อถึงความสมดุลและความพึงพอใจกับต้นทุนการให้บริการและเพื่อความปลอดภัยระดับดีเยี่ยม ด้วยการคู่สี เทา-Harmony Gray และ เขียว-Trust Green ใน Logo
ก่อนหน้านี้ JAL ได้เคยประกาศเรื่องการลงทุนสายการบินใหม่บินต้นทุนต่ำมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2018 แล้ว โดยมีการลงทุนเบื้องต้น 8.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เนื่องจากเล็งเห็นแล้วว่าตลาดในกลุ่มสายการบินโลว์คอสต์นี้ มีการเติบโตอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นสายการสัญชาติญี่ปุ่น Peach Air ในเครือ All Nippon Airways (ANA) หรือสายการบินต่างชาติอย่าง สายการบิน Scoot และ Air Asia X ถึงแม้ว่า JAL จะยังคงถือหุ้นร่วมกับ Qantas Airways ในสายการบินโลว์คอสต์ Jetstar Japan ดาวเด่นที่ทำให้ Peach Air ของ ANA ต้องเหงื่อตก แต่ Jetstar Japan เน้นหนักเส้นทางบินภายในในประเทศญี่ปุ่นเป็นหลัก จึงไม่มีทรัพยากรที่เหมาะสมเพื่อขยายไปสู่เส้นทางบินระยะไกลได้ Jal จึงจำเป็นต้องเพิ่มศักยภาพด้วยสายการบินโลว์คอสต์ที่แท้จริงที่เป็นของตัวเองซะที
Mr. Hiroyuki Uehara ผู้อำนวยการฯ Zipair เปิดเผยว่า บริษัทมองเห็นช่องว่างตลาดในเส้นทางทรานส์แปซิฟิกไปสู่ชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ (ใช้เวลาประมาณ 8-12 ชั่วโมง) ซึ่งยังไม่มีโลว์คอสต์รายใดที่บินเส้นทางทรานส์แปซิฟิกดังกล่าวเลย Zipair จึงมีเป้าหมายเป็น สายการบินโลว์คอสรายแรก ที่จะขยายเส้นทางบินไปถึงอเมริกาเหนือภายในฤดูร้อน 2021 (1 ปีหลังเปิดให้บริการ) และจะลงทุนขยาย ฝูงบินเพิ่มขึ้นปีละ 2 ลำต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ปี เพื่อให้มีฝูงบินครบ 10 ลำตามแผนงานที่วางไว้